หลายคนอาจคิดว่าคงต้องแลกมาด้วยการเปิดเผยเรือนร่าง
สูญเสียสถานะทางสังคม ถูกตัดขาดจากครอบครัว
หรืออาจลุกลามไปถึงการไม่มีเพื่อนฝูงคบหา ซึ่งดูเป็นคำตอบที่เหมาะสม
หากมองด้วยทัศคติที่ติดลบต่ออาชีพดังกล่าว
“ฉันไม่เห็นต้องแลกอะไรกับงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้
นักแสดงหนังโป๊ก็เหมือนงานทั่วไปที่พวกคุณทำกันอยู่
เป็นงานหนึ่งที่ไม่ได้เลวร้ายและไม่ได้พิเศษอะไรทั้งนั้น” แต่สำหรับ เร ลิล แบล็ก เธอกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
แถมยังบอกต่ออีกว่าตัวเธอยังได้อะไรบางอย่างกลับมามากมายจากการทำอาชีพแบบนี้
ยกตัวอย่างเช่นศิลปะในการ ‘ช่างแม่ง’ ให้กับทุกเรื่อง
ในวันที่มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
ผมพยายามเลือกคำถามด้วยความระมัดระวัง ไม่ก้าวก่าย จนสร้างความแคลงใจแก่เร ก่อนสัมภาษณ์ผมบอกเธอตามตรงว่า
มีคำถามเกี่ยวกับอาชีพนักแสดงหนังโป๊ที่เธอทำอยู่ หากเธอไม่ยินดีที่จะพูดเรื่องนี้
ก็จะข้ามไปทันที แต่ในเมื่อเธอบอกว่าสบายมาก
พวกเราสามารถพูดคุยเรื่องนี้กันได้อย่างหมดเปลือก
จึงได้บทสัมภาษณ์ที่ทำให้ผู้เสพผลงานอย่างพวกเรา
ได้รับรู้ว่าการเป็นนักแสดงหนังโป๊ต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง
“ทุกอย่างเริ่มขึ้นตอนที่ฉันมาเรียนต่อที่เยอรมนี
วันหนึ่งมีเพื่อนในมหาวิทยาลัยมาชวนฉันให้ลองไปเล่นหนังโป๊ดู
ถ้าพูดกันตามตรงตอนแรกฉันก็กลัวเหมือนกับทุกคนนั่นแหละ ทั้งกลัวเสียภาพลักษณ์
กลัวสังคมรับไม่ได้ แต่พอตอบตัวเองได้ว่าอยากลองทำอะไรแบบนี้ดูสักครั้ง
เลยคิดได้ว่าเราไม่เห็นจำเป็นต้องสนใจคนรอบข้างเลยนี่นา เราจึงตอบตกลงไป
สุดท้ายพอได้ลองเล่นแล้ว นักแสดงหนังโป๊ก็เหมือนงานทั่วไปงานหนึ่ง
ที่ทำงานเสร็จแล้วก็รับค่าจ้างเหมือนกัน”
เร ลิล แบล็ก
เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการเล่าเส้นทางการเข้ามาเป็นนักแสดงหนังเอวี ก่อนที่เราจะงคำถามหลังเธอพูดจบว่า
ตอนช่วงที่กำลังลังเลนั้น
สุดท้ายอะไรถึงได้ทำให้เธอตัดสินใจว่าเราไม่เห็นต้องแคร์ใครหน้าไหนเลย
“ถ้าถามว่าตอนนั้นทำไมถึงตัดสินใจตอบตกลง
คำตอบคือฉันไม่ได้ตัดสินใจและไม่ได้คิดเลย แค่อยากลองทำดูเท่านั้น
ฉันจำได้แม่นเลยว่าตอนที่วิดีโอแรกปล่อยออกมาก็กลายเป็นไวรัลแทบทันที
ตอนนั้นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็ตื่นเต้นกันหมด
เข้ามาถามว่าฉันเล่นวิดีโอแบบนั้นจริงเหรอ เธอเป็นนักแสดงหนังโป๊จริงๆ เหรอ
ซึ่งตอนนั้นเป็นตอนที่ฉันมั่นใจมากๆ ว่าได้เลือกคำตอบที่ถูกต้องให้ตัวเองแล้ว
ฉันไม่ได้รู้สึกอับอายหรือดีใจเลยด้วยซ้ำตอนที่เพื่อนมาทักแบบนั้น”
“นี่คุณกำลังจะบอกว่าหนังโป๊คือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับสังคมจริงๆ
ใช่ไหม”
ผมตั้งคำถามด้วยสายตาของคนในปัจจุบันที่ยังไม่ยอมรับนักแสดงหนังเอวีว่าเป็นอาชีพหนึ่งในสังคมคนดีที่แสนบริสุทธิ์ของประเทศไทย
“ใช่
ฉันไม่ได้คิดว่าหนังโป๊คือสิ่งที่ลดทอนตัวตนเลย ก็เหมือนงานทั่วไปที่ทำอยู่
ที่ไม่ได้แย่หรือวิเศษกว่าอาชีพไหน
ฉันเลยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายหรือน่ายินดีอะไรแบบนั้น”
น้ำเสียงที่จริงจังของเร สะท้อนถึงความคิดของเธอที่อยู่เหนือทุกกระแสสังคม
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่คิดจะบอกเล่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่กับคนรอบตัวหรือแม้กระทั่งครอบครัวแต่อย่างใด
“จริงๆ ฉันไม่ได้พูดเรื่องนี้กับพ่อแม่เลย ญาติๆ
ที่ญี่ปุ่นก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ มีแค่เพื่อนที่เยอรมนีเท่านั้น
ซึ่งพวกเขาเห็นด้วยกับงานที่ฉันทำอยู่มากๆ
เขาเข้าใจว่านี่คือชีวิตของเพื่อนคนหนึ่ง ไม่ใช่ของตัวเอง
เขาไม่สนใจหรอกว่าใครจะทำอะไร ถ้าไม่ไปเบียดเบียนชีวิตเขา ฉันเองก็เหมือนกัน
ถ้าคนรอบตัวจะไม่โอเคกับสิ่งที่กำลังทำ ฉันก็ไม่แคร์เหมือนกัน
ฉันไม่ยอมให้ความเห็นของพวกเขามาทำให้รู้สึกแย่เด็ดขาด”
สงสัยมานานแล้วว่าการเป็นนักแสดงหนังเอวีที่ดี
แปลว่าต้องแยก ‘เพศสัมพันธ์’ ออกจาก ‘ความสัมพันธ์’ ได้ใช่ไหม
ผมยิงคำถามที่หลายคนสงสัยต่ออาชีพนักแสดงหนังโป๊ที่ต้องบริหารสภาพร่างกายและจิตใจมากกว่าอาชีพอื่น
“ฉันไม่มีแฟนมาหลายปีแล้ว
ทุกวันนี้ฉันทำแต่งานจนไม่มีประสบการณ์ด้านความสัมพันธ์เลย นี่คงเป็นเหตุผลที่ฉันแยกสองสิ่งนี้ออกจากกันได้จริงๆ
ทุกวันนี้งานที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ก็เหนื่อยและหนักมากพอแล้ว
ถ้าฉันจะมีความสัมพันธ์กับใครสักคน เรื่องเพศสัมพันธ์คงไม่ใช่ปัจจัยอันดับตันๆ
ที่คาดหวังเอาไว้ แต่ฉันคิดว่าตัวเองคงไม่ได้อยู่ในจุดที่จะบอกได้จริงๆ
ว่าการมีเพศสัมพันธ์จากความสัมพันธ์กับการมีเพศสัมพันธ์จากเรื่องงานแตกต่างกันอย่างไร”
แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลายคนในสังคม
รวมไปถึงบางคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ยังไม่คล้อยตามและเห็นต่างต่อสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มาก
ถ้าให้ลองเปลี่ยนความคิดเขาดู คุณอยากบอกพวกเขาอย่างไรบ้าง
นี่คือคำถามสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจขอสัมภาษณ์เธอ
เพราะอยากให้พื้นที่ตรงนี้เป็นกระบอกเสียงให้กับอีกแง่มุมหนึ่งในวงการหนังโป๊บ้าง
แต่คำตอบที่เรตอบกลับมา กลับเหนือความคาดหมายที่ตั้งเอาไว้อยู่มาก
“การเปลี่ยนความคิดคนอื่นยากมาก
ถ้าเขาเป็นคนไม่เปิดใจ และได้ตัดสินไปแล้วว่าสิ่งที่ฉันทำอยู่ช่างสกปรกหรือน่าขยะแขยงขนาดไหน
ฉันก็ไม่อยากจะเสียเวลาไปเปล่าๆ กับการนั่งเถียงกับคนแบบนั้น
ไม่อยากเหนื่อยกับการต้องคอยบอกว่านี่คือของฉันที่จะทำอาชีพนี้ได้
ซึ่งง่ายกว่าการนั่งเปลี่ยนใจคนอื่นอีกเยอะ
“แน่นอนว่าฉันบังคับให้เขาออกไปจากชีวิตไม่ได้
ฉันได้รับความเห็นแย่ๆ อยู่ตลอดเวลา จริงๆ อาจจะตลอดชีวิตเลยก็ได้
สุดท้ายแล้วสาเหตุที่ฉันสามารถช่างแม่งได้ไม่ใช่เพราะฉันเก่ง แต่ฉันจำเป็นต้องกลายเป็นคนที่ต้องช่างแม่งให้ได้เท่านั้นหากจะเป็นนักแสดงหนังโป๊
อาชีพนี้มีความเสี่ยงสูงมากที่คนภายนอกจะเข้ามาทำร้ายจิตใจ
ฉันต้องกลายเป็นคนที่หาอะไรทำให้ยุ่งตลอด ทั้งเรื่องการศึกษา งานประจำ
หรืองานอดิเรกอื่นๆ”
น่าแปลกมากที่คนซึ่งเกลียดเรา
กลับมาสนใจคนที่พวกเขาเกลียด
ผมพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เธออธิบายพร้อมตั้งคำถามเสริมต่อในประเด็นนี้ไปอีก
เพราะอยากเห็นมุมมองของเธอต่อเหล่า Hater หรือคนที่เกลียดชังเพิ่มเติม
“สำหรับหลายคนที่เข้ามาแสดงความเห็นเชิงลบกับฉัน
จริงๆ อยากให้พวกเขาลองคิดกันดูว่า จะปล่อยให้ความรู้สึกแย่ๆ
เข้ามาที่ตัวฉันและตกค้างอยู่กับตัวเองไปทำไม คุณมีสิทธิ์จะไม่ชอบสิ่งที่ฉันทำได้
แต่ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะไม่เอาตัวเองมาขลุกอยู่กับเรื่องแย่ๆ
เช่นพวกคำด่าสารพัดที่ต้องผ่านสมองและอารมณ์ของพวกคุณมาก่อน
ถ้าเป็นฉันจะเลือกไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์ดีกว่า”
เธอคิดครู่นึงก่อนจะพูดต่ออีกว่า “แต่บางทีกลับมาก็ดีนะ มาแสดงความเห็นกันเยอะๆ
บางทีฉันก็ได้เงินเหมือนกัน (หัวเราะ)
“ฉันแนะนำเลยว่าถ้าคุณเป็นคนอ่อนไหวต่อความคิดเห็นของคนอื่น
อย่ามาทำงานแบบนี้ แต่ถ้าอยากทำจริงๆ ก็ต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะช่างแม่งกับอีกหลายสิ่งเลย
แล้วถ้ายังทำไม่ได้จริงๆ ฉันคิดว่าคุณควรลองหาอาชีพอื่นดีกว่า”
วิชาปรัชญาที่นำไปสู่การตอบคำถามว่า ชีวิตของ เร ลิล แบล็ก คืออะไร
เหตุผลหลักคุณเดินทางมาเยอรมนีก็เพื่อมาเรียนการเมืองและกฎหมาย
ทำไมถึงหลงไหลในวิชาเหล่านี้ ผมเริ่มพูดคุยในประเด็นอื่นนอกจากเรื่องราวในวงการหนังเอวี
เพื่อขุดคุ้ยอีกด้านหนึ่งของเธอดูบ้าง
“จริงๆ แล้วฉันอยากจะเรียนวิชาปรัชญา
แต่พ่อแม่ไม่อนุญาตให้ฉันเรียน เลยต้องมาเรียนการเมืองและกฎหมายแทน
ซึ่งฉันก็โอเคกับการตัดสินใจครั้งนี้ ต้องบอกก่อนว่าฉันเป็นคนสนใจการศึกษามาก
ฉันชอบเรียนหนังสือมากๆ และชอบสอนหนังสือมากที่สุด
เหมือนความฝันหนึ่งเดียวในวัยเด็กที่เคยมีอยู่คือการเป็นครูด้วย
แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว”
ความน่าสนใจคือ
สำหรับคนซึ่งไม่ค่อยสนใจความเป็นไปรอบตัว ถึงกลับอยากเรียนวิชาปรัชญา ศาสตร์ที่ว่าด้วยการตั้งคำถามต่อทุกสรรพสิ่งบนโลก
“ใช่ ที่คุณพูดก็ถูก แต่ความสนใจของฉันแคบกว่านั้น
เพราะวิชาปรัชญาที่ฉันอยากรู้ มันว่าด้วยชีวิตของตัวฉันอย่างเดียว
ฉันชอบศึกษาว่าชีวิตเราคืออะไร มนุษย์มีชีวิตอยู่ไปทำไม
ความตายหรือการมีชีวิตอยู่อันไหนคือนิพพาน จริงๆ
ฉันชอบวิชานี้เพราะคาดหวังว่าจะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ให้กับตัวเองได้
แต่ถ้าจะเรียนเพื่อไปเถียงกับเพื่อนคนอื่นอะไรแบบนั้น คงไม่ดีกว่า
อย่างที่บอกว่าฉันไม่ได้แคร์คนอื่นเท่าไหร่เลย (หัวเราะ)”
ถึงตอนนี้คุณเรียนจบแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย
(ทั้งเราและเรต่างปรบมือดีใจให้ความสำเร็จครั้งนี้)
แล้วคุณไม่เคยคิดจะทำงานในสาขาที่จบมาบ้างเหรอ
ผมตั้งคำถามถึงก้าวต่อไปของเรในอนาคต
“ฉันไม่ได้คิดว่าจะได้ทำงานสายการเมืองอะไรแบบนั้นแล้ว
เพราะทางที่เลือกตอนนี้ พูดกันตามตรงคงไม่มีใครอยากจะได้นักการเมืองหญิงที่เล่นหนังโป๊มาก่อน
ซึ่งฉันก็ไม่โกรธเขาที่คิดแบบนี้เลย
แล้วก็เข้าใจด้วยว่าเราอยู่ในสังคมที่คิดแบบนี้เป็นส่วนใหญ่
ฉันเลยได้แต่ยอมรับและเข้าใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือกแล้ว
“ยิ่งเรื่องทนายความนี่ลืมไปได้เลย
ฉันไม่ชอบมานั่งเถียง แลกเปลี่ยนความเห็นกับคนอื่น ปล่อยฉันใช้ชีวิตคนเดียวดีกว่า
อย่ามายุ่งกันเลย” เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายต่อว่า
“พูดมาถึงตอนนี้ฉันก็เริ่มคิดได้ว่าอาจเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้
เลยทำให้ฉันไม่อยากเลือกทำงานในสิ่งที่เรียนจบมา ความช่างแม่งก็มีข้อเสียเหมือนกัน
(หัวเราะ)”
ไม่มีความฝันหรือสิ่งที่อยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ
บ้างเหรอ อย่างผมก็ยังอยากเป็นมีร้านขายเบียร์เล็กๆ เป็นของตัวเองบ้าง
ผมลองยกตัวอย่างเพื่อจะกระตุ้นความฝันของเรที่อาจหลงลืมไปแล้วได้บ้าง
“ฉันไม่รู้เลย การทำงานไม่ใช่เป้าหมายของชีวิต
ฉันไม่เคยมีภาพฝันว่าตัวเองประสบความสำเร็จจากสิ่งที่ทำเหมือนคนอื่นเลย
แค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ไม่มีความทุกข์ นี่ก็คือความสำเร็จของชีวิตแล้ว
ถ้าพรุ่งนี้ฉันตื่นมาแล้วตายเลย ตอนนี้ฉันก็ไม่เสียใจ
ถ้าฉันยังเป็นทุกข์แล้วพรุ่งนี้ตื่นมาตาย ยังไม่ทันได้มีความสุข
อันนี้ก็คงเคืองอยู่เหมือนกัน (หัวเราะ)
“ฉันไม่เคยคิดว่าอาชีพคือความจำเป็นของชีวิตขนาดนั้น
แน่นอนว่าฉันยังต้องทำงานเพื่อให้มีเงินมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมนี้ได้อยู่
แต่ถ้าวันหนึ่งฉันพอใจกับการไม่ต้องมีเงิน
หรือมีเพียงบางส่วนที่พอใช้จ่ายไปทั้งชีวิต ฉันก็สามารถเลิกทำทุกอย่างได้ทันที
ฉันไม่ได้มีความฝันว่าจะเป็นดาราชื่อดัง นักการเมืองคนเก่ง
หรือนักปรัชญาที่โลกจดจำอะไรแบบนั้น คนเรามีชีวิตเดียวเองคุณ
ทำสิ่งที่อยากทำให้หมดก็พอแล้ว
“แต่ถ้าถามว่ามีอย่างอื่นอยากไขว่คว้าไหม
บางทีถ้ามีโอกาสหรืออะไรบางอย่างที่นึกขึ้นได้ในขณะนั้น ก็อยากลองดูเหมือนกัน เช่น
การเป็นสตรีมเมอร์หลังจากเกิดเหตุการณ์โควิด-19 จริงๆ
เป็นโอกาสที่ดีนะที่ได้ลองทำอะไรแบบนี้
แต่อย่างที่บอกว่าเป็นสิ่งชั่วคราวที่เปิดโอกาสให้ได้ลองทำ
ฉันไม่ได้ฝันหรือตั้งความหวังเอาไว้จริงจังขนาดนั้น”
หลังเธอตอบคำถามนี้จบ ผมรู้ทันทีว่าเธอไม่สามารถตอบอะไรได้มากกว่านี้แล้ว
หลังจากได้อธิบายความหมายของการมีชีวิตอยู่ในครั้งนี้ของเธอไป
ผมจึงตัดสินใจร่ำลาและให้คำมั่นสัญญาเป็นอย่างดีว่าจะถ่ายทอดทัศนคติของเธอให้ผู้อ่านได้เห็น
แม้หลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับเราทั้งสองคนก็ตาม
สิ่งที่ผมพยายาม ‘แง้ม’ ออกมาให้ผู้อ่านรวมถึงตัวผมเองได้รู้จักผู้หญิงคนนี้มากขึ้นคือ
มุมมองต่อการมีชีวิตครั้งหนึ่งในฐานะมนุษย์โลก ที่เรเองก็ตอบเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า
จะเป็นนักแสดงหนังโป๊ นักการเมือง ทนายความ หรือนักปรัชญา
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเปลือกที่ผ่านมาและผ่านไปในช่วงหนึ่งของชีวิตเธอ
ความฝันเพียงอย่างเดียวที่เรตั้งปณิธานเอาไว้คือ
การใช้ชีวิตในแต่ละวันที่ต้องมีความสุขและคุ้มค่าพอต่อการเกิดมาในครั้งนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น