พร้อมแนะแนวทางชดเชย สร้างผลดีจากเศษซากพืช โดยไม่ทำลายดิน
ช่วงวันที่ 30 เม.ย.63 จากเหตุการณ์วิกฤติหมอกควันรวมทั้งฝุ่นผงขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งต้นสายปลายเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง เป็นการเผาพื้นที่การกสิกรรมเพื่อจัดเตรียมเพาะปลูกสำหรับฤดูผลิตต่อไป มีผลเสียโดยตรงต่อร่างกายอนามัยของราษฎร ซึ่งปัญหาละอองฝุ่นผง PM 2.5 เป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลต่อแนวทางการทำงานของระบบทางเท้าหายใจ ประกอบกับปัจจุบันนี้พวกเรากำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤติเชื้อไวรัสวัววิด-19 ซึ่งสามารถเข้าทำลายปอด รวมทั้งนำมาซึ่งโรคระบบฟุตบาทหายใจเช่นเดียวกัน ยิ่งกว่านั้น การเผาในพื้นที่การกสิกรรมยังเป็นการทำลายส่วนประกอบรวมทั้งความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทำให้ดินย่ำแย่ มีผลต่อการเติบโตของพืช ทำให้ผลิตผลต่ำ ประสิทธิภาพมิได้มาตรฐาน รวมถึงเกษตรกรยังจำเป็นต้องลงทุนสำหรับเพื่อการปรับภาวะดินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงญาติ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวมาว่า ผลข้างเคียงของการเผาพื้นที่การกสิกรรม พอๆกับคุณกำลังเผาเงินในกระเป๋า ทำลายทั้งยังสุขภาพ ทำลายอีกทั้งสภาพแวดล้อม ทางกรมส่งเสริมการเกษตรได้เริ่มโครงงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2557 แล้วก็ได้ทำงานมาโดยตลอด ซึ่งระบุทางแล้วก็กรรมวิธีสร้างการรับทราบให้ถึงกรุ๊ปเกษตรกรวัตถุประสงค์ในพื้นที่ปฏิบัติการ 42 จังหวัดทั้งประเทศ ดังเช่นว่า 10 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 26 จังหวัดที่มีข้อมูลจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรสูง แล้วก็ 6 จังหวัดกรุงเทพมหานครฯ รวมทั้งละแวกใกล้เคียง ในหลายหนทาง โดยผ่านการปฏิบัติงานของข้าราชการช่วยเหลือการกสิกรรมระดับจังหวัด/อำเภอ แล้วก็เกษตรกรโครงข่าย วิถีทางแรก อบรมสร้างการรับทราบ ถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรทราบขั้นตอนการจัดแจง การใช้ผลดีจากเศษสิ่งของการกสิกรรมตอบแทนการเผา
โดยมีการสนับสนุนนานัปการหนทาง ยกตัวอย่างเช่น หนทางที่ 1 อบรมสร้างการรับทราบ ถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรทราบแนวทางการจัดแจง การใช้ผลดีจากเศษอุปกรณ์การกสิกรรมชดเชยการเผา วิถีทางที่ 2 สร้างโครงข่ายชุมชนปราศจากการเผา เพื่อเป็นต้นแบบการแลกเปลี่ยนทำความเข้าใจด้วยกัน การร่วมหาวิธีการใช้คุณประโยชน์จากอุปกรณ์ทางการเกษตร การร่วมหาวิถีทางเพิ่มค่าเศษสิ่งของการกสิกรรม
หนทางที่ 3 จัดงานรณรงค์ขยายผลเกษตรกรปราศจากการเผาในพื้นที่เกษตร พร้อมด้วยแสดงเทคโนโลยีการกสิกรรม สำหรับในการจัดแจงพื้นที่เกษตร ตอบแทนการเผา เป็นต้นว่า การไถกลบโคนซังรวมทั้งฟางข้าว การสร้างปุ๋ยคอก การสร้างเชื้อเพลิงชีวมวล การเพาะเห็ดจากฟางข้าวหรือทะลายปาล์ม ฯลฯ เพื่อเกษตรกรในชุมชนแล้วก็ตำบล อำเภอใกล้เคียง ได้ได้โอกาสมาศึกษา และก็มองเห็นถึงคุณประโยชน์ที่ได้รับจากการกสิกรรมปราศจากการเผาของเกษตรกรต้นแบบอย่างแท้จริง โดยพวกเราคาดหมายให้มีการขยายผลการศึกษา ไปสู่การกระทำของเกษตรกรรายอื่นๆถัดไป
แล้วก็หนทางที่ 4 การโปรโมทสร้างการรับทราบผ่านสื่อต่างๆเช่น สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อหนังสือพิมพ์ และก็สื่อออนไลน์ เพื่อเป็นการติดต่อสื่อสารสร้างการรับทราบสู่เกษตรกร รวมทั้งพลเมืองทั่วๆไป ครอบคลุมทั้งยัง 77 จังหวัดทั่วทั้งประเทศ พวกเรามุ่งมาดว่าวิธีการกระตุ้นสร้างการรับทราบของเกษตรที่ได้กล่าวมาแล้ว จะช่วยทำให้เกษตรกรทราบถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากการเผาในพื้นที่เกษตร ทั้งยังต่อตัวเอง ต่อคนที่อาศัยอยู่ในครอบครัว ญาติ รวมทั้งราษฎรทั่วๆไป
"ผมขอฝากถึงพี่-น้องเกษตรกรทุกคน กรมส่งเสริมการเกษตรจะปฏิบัติการเสร็จได้ทุกคนจำเป็นต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ทุกสิ่งอยู่ที่พี่-น้องเกษตรกรเอง เนื่องจากว่าหน่วยงานไม่อาจจะดูท่านได้ตลอดระยะเวลา ทุกคนจำเป็นต้องรอเตือนตนเองแล้วก็เตือนผู้อื่นพร้อมใจกันหยุดเผาในพื้นที่เกษตร ตั้งแต่วันนี้ รวมทั้งตลอดกาล เพื่อการกสิกรรมที่จีรังยั่งยืน"รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น